Touring Bike - จักรยานทัวร์ริ่งในแนวของผมเอง

ผมเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน โดยตอนแรกๆ ก็เป็นการปั่นจักรยานโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนักกายเท่านั้น พอปันไปเรื่อยๆ ก็เริ่มซึมซับภาพต่างๆ ของ 2 ข้างทาง ที่เป็นอีกมุมหนึ่งของชีวิตที่ตัวผมเองไม่เคยเห็น แม้ว่าเส้นทางดังกล่าวจะอยู่ใกล้ๆ บ้านผมเอง ซึ่งผมเองรู้จักมาเป็นสิบๆ ปี แต่ไม่เคยใส่ใจและไม่เคยที่จะสังเกตุ ที่สำคัญที่สุดสำหรับผมในการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานก็คือ ผมไม่ชอบปั่นในเส้นทางเดิมๆ ซ้ำๆ กันนานๆ เพราะมันน่าเบื่อ เช่นการปั่นรอบสนามบิน หากให้ปั่นกันจริงๆ ก็อาจจะปั่นได้ในครั้ง หรือ สองครั้งแรก เท่านั้นเพราะเมื่อไรที่เส้นทางเริ่มคุ้นตา ผมก็เริ่มที่จะไม่อยากจะปั่นต่อแล้ว และนี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจการปั่นจักรยานในแบบทั่วรริ่ง เพราะผมไม่ได้ปั่นแข่งกับใคร แต่เป็นการปั่นเพื่อสุขภาพ และความสุขของตัวเอง


หาแนวของตัวเอง

เมื่อผมเริ่มสนใจผมก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลให้เยอะขึ้น ก็พบว่าข้อมมูลเกี่ยวกับ touring bike นั้นยอะมาก และ มีผู้นิยามเอาใว้หลากหลายประเภท เช่น Light Touring, Full Load Touring, Credit Card Touring, Bike Packing และ อีกมากมาย แล้วแต่จะสรรหาคำมานิยามกัน การที่มีคนคิดค้นคำนิยามมากมายแบบนี้ก็เพราะจะได้เลือกรถให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งานไงล่ะครับ ซึ่งมันอาจจะเหมาะสำหรับพวก นักปั่น hardcore ในสายท่องเที่ยวนี้ แต่สำหรับผมแล้ว...ผมเป็นคนทำมาหากิน การปั่นจักรยานท่องเที่ยวนั้นคือเสี้ยวหนึ่งของชีวิตผมเท่านั้น แม้ว่าผมเองจะชอบกิจกรรมนี้ แต่ในชีวิตของผมก็ยังมีอีกหลายๆ อย่างที่ต้องทำ ไม่ใช่เอาแต่ปั่นจักรยานหายไปนานๆ ได้   ดังนั้นแนวทางในการปันของผมก็คงเป็นการปั่นแบบ Free-Style Touring Bike ไร้รูปแบบ อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากไปที่ใหนก็ไป มีอะไรก็เอาออกมาปั่น ไม่ต้องไปยึดติดกับตัวรถหรือเครื่องมือ


ทำไมผมต้องเขียนแบบนี้?

เหตุผลง่ายๆ เลยก็คือ ผมชอบการท่องเที่ยวแบบช้าๆ (slow touring) ด้วยจักรยาน ไม่ใช่การยึดติดกับตัวรถจักรยานทัวร์ริ่ง เพราะตัวผมเองไม่ค่อยให้ความสำคัญกับจุดหมายของการเดินทางมากไปกว่ารายละเอียดระหว่างทางครับ ดังนั้นการเดินทางท่องเที่ยวในแบบของผมไม่จำเป็นต้องจบทริป หากไม่ใหวก็ไม่จำเป็นต้องฝืน เพราะมันจะทำให้ความสุขกลายเป็นความทุกข์ไป แต่ผมจะถามตัวเองเสมอว่าระหว่างการปั่นจักรยานตัวเราเองได้เห็น ได้สัมผัสกับอะไรบ้างระหว่างทางที่ผ่านๆ มา ต่างหาก

ดังนั้นหากใครอยากจะลองปั่นแบบทั่วร์ริ่งในแนว freestyle แบบผม ก็เอาจักรยานที่จอดอยู่ออกมาปั่นได้เลยครับ ยังไม่ต้องรอซื้อรถทั่วร์ริ่งอย่าง Thorn Sherpa, Surly หรือ Co-motion อะไรเทือกนั้นหากคุณยังไม่คิดที่จะปั่นระยะไกลข้ามประเทศ มีอะไรก็เอาออกมาไม่ว่าจะเป็นรถแม่บ้าน เสือภูเขา เสือหมอบ รถพับ ไม่ต้องกลัวเนื่องจากร้านซ่อมจักรยานในบ้านเรามีอยู่แทบทุกตำบล แล้วก็ไม่ต้องไปรอว่าจะต้องปั่นให้ได้วันละ 100 กม. ก่อนค่อยออกทริป เพราะความพร้อมขนาดนั้นมันไม่มีอยู่จริงทั้งรถพร้อม คนพร้อม เงินพร้อม เวลาพร้อม ในขณะที่ชีวิตของเราทุกคนตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนทุกขณะจิต เพราะคนที่รอให้พร้อมจริงๆ มักทำได้แค่ทัวร์ริ่งในฝันเท่านั้นครับ ดังนั้นทุกครั้งที่ผมพอมีเวลาผมก็จะพยายามขี่รถออกไปเที่ยวดูวิถีชีวิตของคนตามหมู่บ้านต่างๆ ระยะทาง +-50 กม. นี่ก็หมดไปแล้วค่อนวัน พอเหนื่อยก็จะเข้าไปหาน้ำดื่มตามร้านค้าต่างๆ ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า ผมก็มักจะได้รู้ ได้เห็นอะไรใหม่ๆ เสมอ


ตัวอย่าง








ที่มา : https://bit.ly/2OMR9Ep

หมายเหตุ - บทความนี้เป็นมุมมองจากประสพการณ์ของผมแต่เพียงผู้เดียว ใครเห็นว่าจุดใหนดีมีประโยชน์ก็เอาไปปรับใช้กันไม่ต้องมาเถียงกับผม หากคุณมองต่างจากผมเพราะนั่นคือสไตล์ หรือ วิถีของแต่ละคน  แต่บทความนี้ผมไม่สนับสนุนคนที่มีโรคประจำตัวให้ทำแบบผมนะครับ คนที่หลงเข้ามาอ่านย่อมต้องรู้สถานะของตัวท่านเองดี เพราะผมไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตใครได้หากมีใครไปหัวใจวายตายกลางถนนเพราะบทความนี้


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เมื่อ Dahon Boardwalk D7 เปลี่ยนชุดขับ เป็น Dahon Boardwalk D20

ไมล์วัดความเร็ว INBIKE 321

Cannello Mini Velo - รถราคาถูกๆ นอกสายตา