จากตอนที่แล้ว วันนี้ก็จะเป็นวันที่ 4 (22 November 2015) ของการเดินทางแล้วครับ วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาเดินออกกำลังกายเล็กๆน้อย ประมาณ 45 นาทีรอบๆ โรงแรม และเพื่อที่จะให้มีเวลาเหลือพอที่จะเก็บข้าวของเพื่อเดินทางกลับ และก็เหมือนกับทุกๆครั้ง และ ทุกๆที่ๆ ผมเดินทางไป ผมมักจะแวะตลาดสดของเมืองนั้นๆ ในยามเช้าเพราะที่นี่เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนได้ชัดเจน ซึ่งบ่อยครั้งทำให้ผมคิดถึงความหลัง และช่วงเวลาดีๆ ที่ผมได้อยู่กับแม่ เพราะผมเองเป็นคนที่โตมากจากตลาดสดเชียงรายมาก่อน และสภาพของตลาดสดใน สปป.ลาว หลายที่ ก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างจากตลาดเทศบาลเชียงรายในอดีตมากนัก และที่สำคัญที่สุดคือ ผมถือว่าทั้งเป็นการสำรวจตลาดด้วยเนื่องจากครอบครัวของผมเองก็เป็นผูผลิตสินค้าบริโภคเช่นกัน
ผมเดินทางออกจากโรงแรมแบบสบายๆ ในเวลาเจ็ดโมงนิดหน่อย ขี่รถชมเมืองแบบเนิบๆ มาถึงตลาดก็ประมาณ 07:25 แล้วครับ ผิดคาดครับ...ผมคิดว่าตลาดน่าจะยังคึกคัก แต่กลับกลายเป็นช่วงที่ตลาดเริ่มจะวายแล้ว เพราะชีวิตที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ตี 4 และจะคึกคักกันในราว05.00-06.30 แล้วคนก็จะค่อยๆลดน้อยลงไป แต่กระนั้นก็ยังมีสินวางขายให้เห็นอยู่ครับ
|
สภาพตลาดสดของเมืองพงสาลี ที่มีสภาพเหมือนตลาดสดในต่างจังหวัดของภาคเหนือของไทยหลายๆ ที่เช่นกัน |
|
สินค้าอุปโภคบริโภคในตลาด มีมาจากหลายที่ทั้งไทยและจีน พริกแกงเผ็ดก็มาจากไทย |
|
โซนนี้ก็ขายของชำ และ อาหารแห้ง |
|
น้ำปูมากจากเมืองไทย แค่ดูกระปุกก็รู้แล้ว ที่นี่นิยมนำมาใส่ในส้มตำ สีดำๆ อร่อยจนดิดใจ |
|
อาหารเช้าของผมเองครับ ข้าวเหนียว และ อกไก่ย่าง กินในตลาดก่อนที่จะอำลาพงสาลี |
|
เติมคาเฟอีนหน้าตลาดก่อนออกจากเมือง |
วันนี้หลังจากเติมคาเฟอีนเสร็จ กว่าจะได้ฤกษ์ออกเดินทางก็ปาเข้าไปเก้าโมงกว่าๆ แล้ว และวันนี้ต้องเดินทางกันค่อนข้างไกลเอาเรื่องงเสียด้วยเพราะตั้งใจว่าจะไปนอนที่ปากแบงเนื่องจากใกล้กับชายแดนไทยหน่อย เส้นทางที่ผมต้องผ่านในวันนี้คือ
เริ่มจาก พงสาลี > บุนเหนือ > บุนใต้ > ปากน้ำน้อย > อุดมไชย > เมืองแบง > วังว้า > ปากแบง
ด้วยระยะทางประมาณเกือบๆ 400 กิโลเมตรใน สปป. ลาว ผมคงต้องรีบทำเวลาอย่างมาก แต่ก็ทำใจใว้ครึ่งนึงแล้วว่าหากรีบจนเกินไปก็อันตราย ก็คงจะพักเสียที่ อุดมไชยดีกว่า แต่พอขี่รถออกจากพงสาลีได้ไม่นาน ก็พบกับสวรรค์บนดินดีๆ นี่เองที่ทำให้ผมอยากจะหยุดเวลาเอาใว้ที่ตรงนั้นเลย เพราะทะเลหมอกลอยอยู่ในระดับที่ผมสามารถสัมผัสได้ บนถนนหนทางขี่รถได้ในระยะที่ผมสามารถมองเห็นได้ไม่เกิน 10 เมตรแน่นอน เพราะระดับก้อนเมฆนั้นปกคลุมทั่งทั้งป่า ทำให้มีความชื้นสูงมากถนนก็ลื่น ทำความเร็วได้ไม่เกิน 20 กม. ต่อชั่วโมง
หลังจากลงเขามาได้ผมก็จะลงมาที่เมืองบุนหนือ และมารับประทานอาหารกลางวันจำพวกเฝอที่บุนใต้ และจากนี้ไปก็ขี่กันอีกยาวไกลไปจนถึงอุดมไชยเลย เพราะตั้งใจไว้ว่าจะเติมน้ำมันที่นั้น
|
ออกจากพงสาลีมาเพียงแค่ 12 กม. เจอกับทะเลหมอก โอ้ว..แม่เจ้าเสมือนอยู่ในวิมาน มันอยู่แค่เอื้มนี่เอง |
|
สภาพของถนนที่อยู่ในทะเลหมอกตลอดเวลา จะชื้นและลื่นแบบนี้ ช่วงนี้ผมต้องใช้เกียร์ต่ำ เพราะถนนลื่นมาก |
|
ปะปาภูเขา มีให้เห็นตลอดทางเพราะเป็นจุดที่ชาวบ้านสามารถมาใช้น้ำ และ รถยนต์ก็มาเติมน้ำ |
|
ไร่กล้วยหอมรพหว่างทางที่กำลังออกผล ที่จะนำไปหล่อเลี้ยงชาวจีนต่อไป |
ลักษณะของถนนที่ออกจากปากน้ำน้อย ก่อนที่จะเข้าสูเมืองอุดมไชย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต้องขี่รถเลาะไปตามใหล่เขา หากขี่กันช้าๆก็ดูสวยอยูหรอก แต่หากขี่เร็วๆ แล้ว สำหรับผมค่อนข้างที่จะอันตรายมากเพราะเหตุที่มีร่มเงาไม้ สลับกับแดด ทำให้สายตาของผมปรับแสงได้ไม่ทัน และเกิดอาการตาฟ้าฟางมองไม่ชัดในบางจังหวะ
|
ลักษณะของถนนที่มี่ที่ร่ม สลับกับแดดตลอดทาง จะทำให้ตาปรับแสงไม่ทันเกิดอาการฝ้าฟางในบางจังหวะ |
หลังจากที่มาถึงอุดมไชยในราวสามโมงเศษๆ ผมพบว่าวันนี้คือวันอาทิตย์ ร้านรับแลกเงินหลายที่ก็ปิดลง ผมรู้สึกเครียดมาก เพราะน้ำมันก็ใกล้จะหมด เวลาก็บ่ายคล้อยแล้วกว่าจะหาที่แลกเงินได้ และได้เติมน้ำมันก็ล่อเข้าไปประมาณ 15.30 น. แล้ว สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ เพราะเริ่มมีความรู้สึกที่อยากจะกลับบ้านแล้ว ผมก็เดินทางออกจากเมืองอุดมไชยในเวลาเกือบๆ สี่โมงเย็น ซึ่งผมขี่มาได้ระยะหนึ่งก็พบว่าตัวเองคิดผิด เพราะลืมคิดไปว่า ทิศที่ผมกำลังขี่รถไปทางชายแดนนั้นคือทิศตะวันตก และในเวลาเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินตั้งแต่สี่โมงนั้นแดดก็ยังแรงอยู่ ทำให้ผมต้องขี่รถย้อนแสงมองดวงอาทิตย์ตลอดซึ่งบอกได้เลยว่าทรมานมาก ขี่เร็วก็ไม่ได้
|
ไม่ใหวแล้วขอพักรถข้างๆ แม่น้าแบงหน่อย แสบตามาก ต้องรอให้แดดอ่อนกว่านี้หน่อยค่อยเดินทางต่อ |
สุดท้ายทนแสดงแดดส่องตาไม่ใหวต้องพักทั้งคนแลรถระหว่างทางเพื่อรอให้แสดงแดดอ่อนกว่านี้หน่อย ระหว่างที่รอก็ชื่นชมธรรมชาติของฝั่งแม่น้ำแบงไป ก็ได้แลเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เรียบง่าย ก็ประมาณห้าโมงครึ่งได้ผมก็ได้เริ่มออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ผมไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนักเพราะถนนหนทางก็เริ่มีความืดเข้ามาแล้ว ความเร็วในการเดินทางของผมลดเหลือ 40-50 กม. ต่อชั่วโมงเท่านั้น เพราะผมทราบดีว่า หากประมาท แล้วการท่องเที่ยวครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องที่สนุก และ มีความสุขเอาเลย
|
เมื่อความมืดมาเยือน |
ผมมาถึงปากแบงในราวทุ่มกว่าใกล้ๆ สองทุ่มนี่แหละ แต่ด้วยเหตุที่ไม่เคยมาที่ปากแบง และมืด ซึ่งกว่าจะหาโรงแรมอะไรได้ก็ปาเข้าไป เกือบๆ สองทุ่มครึ่งแล้ว ผมจำไม่ได้ชัดเจนนักว่าผมได้โรงอรมชื่ออะไร แต่ตัวเจ้าของเองเป็นคนที่ใจดีมาก ผมค่อนข้างโชคดีที่ได้ห้องใหม่ และ สะอาดน่าพักกว่าที่พงสาลีมาก
หลังจากที่ได้ห้อง และวางกระเป๋าเรียบร้อยสิ่งแรกที่ทำคือ หาอะไรกินก่อน แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือร้านอาหารก็เหลืออาหารเพียงไม่กี่อย่าง ทั้งๆที่ปากแบงนั้นถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีต่างชาติมาพักอยู่พอสมควรทีเดียว สิ่งที่ได้กิน และกินได้คือ "ใส้อั่ว" กับข้าวเหนียว ก่อนนอนคือนนี้ครับ
|
สภาพห้องของโรงอรมที่ผมพักในปากแบง ใหม่ และ สะอาดมาก |
|
ห้องน้ำก็แห้ง และสะอาดดีครับ |
|
ใส่อั่ว และ ข้าวเหนียวคืออาหารก่อนปิดรัตติกาลนี้ |
ก่อนเข้านอน ผมก็ได้คิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตตลอด 4 วันที่ผ่านมา ได้รู้ได้เห็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวผมเองไม่เคยได้เห็นมาก่อน และ ได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามในประเทศเพื่อนบ้านจนกระทั่งหลับไม่รู้ตัวไปเมื่อไรไม่รู้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น