Suzuki Van Van RV125 - ไปไต่ยอดฟ้าที่พงสาลี - 3

จากตอนที่แล้ว วันที่ 3 ของการเดินทาง (21 November 2015) หลังจากที่ผมรับประทานอาหารในตลาดเสร็จก็ได้ฤกษ์อำลาเมืองขวาเสียที อันที่จริงเมืองขวามนี้เป็นเมืองที่นักบิดชาวไทยนิยมมาพักก่อนเดินทางต่อไปยังชายแดนเดียนเบียนฟู บางคนก็เอารถมอเตอร์ไซค์ฝากใว้กับทางโรงแรมที่นี่เลย แล้วตัวเองก็เดินทางต่อไปด้วยรถบัสข้ามไปเวียดนามด้วยเหตุที่ทางเวียดนามไม่อนุญาตให้รถจากไทยข้ามไป

ผมออกเดินทางจากมืองขวาในราว 09.00น. เป็นการเดินทางย้อนกลับไปจนถึงแยกปากน้ำน้อย ที่เราได้ขี่รถผ่านมาเมื่อวานนี้ และเราก็จะเดินทางต่อไปบนเส้นทางที่ขึ้นเขาราวๆ 200 กม. ซึ่งผมใช้เส้นทาง เมืองขวา - แยกปากน้ำน้อย - บุนเหนือ - บ้านเดื่อ - บุนใต้ - พงสาลี ซึ่งผมใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง มาแบบเรื่อยๆ มาเรียง เพราะต้องการซึมซับความสวยงามระหว่างทางมากกว่าการเร่งให้ถึงจุดหมาย

สะพานแขวนแสนสวย ระหว่างทางเมืองขวา สู่ ปากน้ำน้อย



ชาวบ้านกำลังนำมะแขว่นออกมาตาก
 สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการเดินทางนลาวเหนือก็คือ เรื่องอาหารการกินนั้นก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากชาวล้านนามากนัก และ นิยมใช้มะแขว่นในการปรุงอาหาร นอกจากนี้ยังมีเมลูที่เหมือนกับอาหารเหนือของเราด้วย เช่น ลาบ แม้วิธีการปรุงจะคล้ายๆ กัน แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเหมือนกันเสียเลยทีเดียว


สภาพถนนที่เลยจากปากน้ำน้อยมาแล้วจะเป็นแบบนี้คือ ไหล่ทางทรุดลงไป

ทุนสังคมนิยม ปลูกกล้วยแบบทำลายล้างภูเขานับสิบๆ ลูก

ในลาวแล้วปกติเราจะเห็นมาการนำน้ำจากป่าธรรมชาติ ต่อผ่านท่อมายังข้างทางเป็นจุดๆไป เพื่อที่จะให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ได้เติมน้ำ และระบายความร้อนของเบรค เพราะในทางที่มีภูเขาสูงชัน เบรคของรถบรรทุกหนักจะรับภาระหนักมาก

บ่อปลาบนยอดดอย

อยากจะหยุดเวลาใว้ตรงนี้นานๆ จริงๆนะ

ใครไม่มา ก็จะไม่มีทางเข้าใจว่า ทำไมหลายคนชอบเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ในประเทศลาว

ก็เพราะธรรมชาติที่สวยงามไง ดึงดูดให้พวก Biker เข้ามชื่นชมความงามที่นี่

บุนใต้ - ที่นี่ถนนหนทางก็ไม่ถึงกับเลวร้าย

เบียร์ลาวไปได้ทุกที่กับ แม่เฒ่าเชียร์เบียร์

มาถึงบุนเหนือก็บ่ายกว่าแล้ว

จากบุนหนือมากสักพักก่อนจะเข้าสู่พงสาลี สภาพถนนก็กำลังทำใหม่

ก็เป็นแบบนี้ประมาณ 20 หลัก
ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองพงสาลี เมืองที่อยู่บนยอดฟ้า ในช่วงต้นฤดูหนาวที่อากาศเย็นสบายและไม่ชื้น ที่นี่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนความสูงถึงประมาณ 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เดิมทีแล้วพื้นที่ของเมืองพงสาลีเคยเป็นส่วหนึ่งของชาวไทลื้อ สิบสองปันนามาก่อน จึงทำให้มีวัฒนธรรมอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายๆ กับชาวล้านนาเช่นกัน และหากพิจรณาดูจากแผนที่ให้ดีๆ จะเห็นได้ว่าเมืองพงสาลีนั้นเป็นดินแดนปลายแลหมเหนือสุดของลาวที่ ทิ่มเข้าไปในเขตของจีน และเวียตนาม  โดยที่ด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกติดกับจีน (มณฑลยูนนาน) ด้านทิศตะวันออกติดกับ เวียดนาม (จังหวัดเดียนเบียน) ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทำให้พงสาลีกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีการเข้ามายึดครองจากหัวเมืองใหญ่ทั้งหลายในอดีต ในปัจจุบันพงสาลีเป็นเมืองหลวงของแขวง

เนื่องจากตั้งอยู่ในชัยภูมิอันเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ คืออยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างจีนกับเวียดนาม ฝรั่งเศสจึงให้ความสำคัญกับพื้นที่แถบนี้มากถึงขนาดสั่งการให้ตั้งค่ายกองทหารรักษาการณ์ขึ้น ดังมีร่องรอยของสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสปรากฏให้เห็นตามซอยต่าง ๆ แม้จะถูกอาคารพาณิชย์ของจีนที่เน้นประโยชน์ใช้สอยบดบังไปส่วนใหญ่ ตามบันทึกกล่าวไว้ว่าในอดีตพงสาลีมีฐานะเป็นหนึ่งในเมืองของพวกไทลื้อในแคว้นสิบสองปันนาของจีน แต่ฝรั่งเศสได้แย่งมาจากจีนในสนธิสัญญาที่ทำขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2438 ต่อมาเมื่อตกมาเป็นของลาว จึงกลายเป็นแขวงที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมาที่สุดแขวงหนึ่ง มีทั้งม้ง อาข่า เย้า ชาวไท เผ่าต่าง ๆ รวมถึงชาวต่างด้าวเวียดนามกับจีน

สภาพบ้านเรือนที่ตั้งบนไหล่เขาลดหลั่นกันไป


ตัวเมืองพงสาลีเมื่อมองจากวัดภูฟ้า จะเห็นหนองน้ำกลางเมืองพงสาลี

ณ.วัดพระธาตุพูฟ้า

ซูมเข้ามาดูใกล้อีกนิด

บรรยากาศของเมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขา แลดูคลาสสิกมากๆ

รถเราดูเล็กไปเลย

หนองพงสาลี
ช่วงเย็นๆ บริเวญหนองน้ำกลางเมืองพงสาลี

Suzuki Van Van RV 125
ครั้งหนึ่งที่ได้มาเยือน

เมื่อความมืดมาเยือนก็ยิ่งดูสวยงามมาก แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็เงียบสงบ น่ารักดี

นี่คือลาบวัว ซำเหนือ แต่ขายในพงสาลี รสชาติเหมือน "ส้า" ของเชียงรายเลย

 เรามาดูเรื่องโรงแรมในเมืองพงสาลีกันบ้าง โรงแรมที่ผมพักนั้นชื่อว่า โรงแรมพูฟ้า อันที่จริงในเมืองนี้มีโรงแรมให้เลือกพักไม่กี่ที่ แต่ที่ผมเลือกพักที่นี่ก็เพราะว่า ที่นี่คือตำนานของเหล่า Biker ที่ได้บอกล่าวต่อๆ กันมา หากไม่มาพักที่นี่เดี๋ยวก็จะคุยกับใครๆ เขาไม่รู้เรื่อง สำหรับโรงแรมนี้ก็เรียกว่าพอนอนได้ละกัน ก็ไม่ค่อยจะดีเด่อะไรมากนัก ดูจากภายนอกออกจะดูแนวเก่าๆ คลาสิคดี ผมว่าภายนอกดูสวยแบบเก่าๆ นะ แต่พอเข้าไปข้างในแล้ว ผมว่าไม่ค่อยสะอาดเท่าไรนัก ทั้งอับ และ ชื้น ก็อาจจะเป็นเพราะสภาพของอาศที่นี่ด้วย ในวันที่ผมมาพักก็เห็นรถจีนมาจอดกันอยู 4-5 คันเหมือนกัน แต่วันนั้นไม่มีคนไทยมากันเลย

สภาพเตียง อละ เครื่องนอน หมอนก็ฟีบๆ

ฝาผนังก็ไม่ได้ผ่านการทำความสะอาดเลย

ผมรับรองได้ว่า ห้องนี้มีคนไทยมาพักแน่นอน และใส่ J-Press เสียด้วย

สภาพห้องน้ำครับ มีราวตกผ้าผูกด้วยเชือกฝาง


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เมื่อ Dahon Boardwalk D7 เปลี่ยนชุดขับ เป็น Dahon Boardwalk D20

ไมล์วัดความเร็ว INBIKE 321

Cannello Mini Velo - รถราคาถูกๆ นอกสายตา