Suzuki Van Van RV125 - ไปไต่ยอดฟ้าที่พงสาลี - 2

จากตอนที่แล้ว :

วันนี้คือวันที่ 20/11/2015 หรือวันที่สองของการเดินทางในลาว วันนี้ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษเนื่องจากมีโปรแกรม ไปเดินดูสินค้าในตลาด และขึ้นไปสักการะองค์พระธาตุหลวงน้ำทา ก่อนเดินทางออกจากเมือง ซึ่งผมก็ได้ทำตามโปรแกรมที่วางใว้ แล้วออกจากเมืองหลวงน้ำทาในราวๆ สิบโมง เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองอุดมไชย ซึ่งก็ต้องรีบนิดนึงเพราะผมไม่ต้องการไปติดขบวนรถบรรทุกสินค้าที่มาจากจีน เนื่องจากเส้นทางจากหลวงน้ำทาไปยัง อุดมไชยนั้นเป็นเส้นทางภูเขาสูงชันพับไปพับมา หากติดขบวนรถบรรทุกแล้วละก้อ แซงยากมากครับ ซึ่งผมก็คาดการณ์ได้ถูกเพราะในวันนั้นผมเจอรถบรรทุกที่มาจากชายแดนจีนน้อยมาก ผมมาถึงเมืองอุดมชัยก็ประมาณบ่ายโมงกว่าแล้ว จึงตัดสินใจต่อไปที่เมืองขวาซึ่งทีแรกผมคิดว่าจะไปให้ถึง เดียนเบียนฟูไปเลย แต่มีคนเขาแนะนำว่าให้นอนเสียที่เมืองขวาจะดีกว่า เพราะหากไปเดียนเบีนฟู แล้วย้อนกลับมาที่เมืองขวาอีก เขาเกรงว่าจะไปมืดกลางทางเสียก่อนซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเขาไม่แนะนำ ผมเลยต้องหาที่หลับนอนในเมืองขวานั่นแหละครับ อืมม์...เมืองขวาจริงๆ ก็ไม่เลวนะครับ บรรยากาศดีมากครับ
กาแฟถ้วยแรก
กาแฟยามเช้าถ้วยแรกในห้องของผมครับ เป็นกาแฟไทยที่ห่วยที่สุดในโลกผมคิดว่าเขาทำสินค้าเกรดต่ำ เพื่อนำมาขายในตลาดลาวโดยเฉพาะ ทำไมต้องคิว่าคนลาวมีอำนาจการซื้อที่ต่ำก็ไม่รู้ ผมว่าคนลาวที่เข้ากล้าจ่ายเพื่อซื้อสินค้าคุณภาพก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียวเลยนะ



Luang Namtha Morning Market
ทางเข้าตลาดเช้าหลวงน้ำทา


ปาล์ม
นี่คือผลของปาล์มชนิดหนึ่งมีสีน้ำเงิน ผมไม่รู้ว่าชาวกรุงฯ เรียกว่าอะไรแต่ที่เชียงรายบ้านผมเรียกว่า "บ่าก้อแกง" เขาจะนำไปแช่น้ำเกลือแล้วนำไปคั่วกับน้ำมัน กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ แค็มๆ มันๆ ก็อร่อยดีตามประสาคนบ้านนอก แต่ปัจจุบันนีที่เชียงรายน่าจะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว


กำจัด
มะแขว่น หรือ กำจัด เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งของชาวเหนือเช่นกัน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากชนิด แต่ที่ใช้กันเยอะๆ จะเป็นอาหารจำพวกลาบ

vegetable vendor
สภภาพของตลาดเช้าก็ไม่ได้แตกต่างจากบ้านเราสักเท่าไร

สะค้าน
เถาสะค้าน หรือ จ๊ะค่าน คนทางเหนือเขาเอาใว้ใส่แกง รสชาติเผ็ดสะเด่าลิ้น ดับคาวได้ดีนักแล แต่ทางภาคกลางอาจจะหาลำบากสักหน่อย

กระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดงในตลาดหลวงน้ำทาก็มีขาย

ลิ้นฟ้า
เพกา ลิ้นฟ้า บ่าริดไม้....แล้วแต่จะเรียก ขมแต่อร่อย

แกงเผ็ด
คนลาวกินน้ำพริกจากไทยเป็นอยู่อย่างเดียวคือ พริกแกงเผ็ด เจ้านี้ครองตลาด

grocery
บรรยากาศในตลาดหลวงน้ำทา ซึ่งค่อนข้างใหญ่พอสมควร

wasabi
อันนี้เป็นผักอะไรก็ไม่รู้ แต่มันเหมือน วาซาบิมาก

crab paste
น้ำปูสีดำๆ อันนี้คนลาวเหนือ ก็กินกันเหมือนไทยเหนือเช่นกัน

chili bean paste
พริกสำหรับราดหน้าขนมจีน จะเหมือนน้ำเงี้ยวของทางเหนือเช่นกัน

Pho
เฝอหลวงน้ำทา เมนูนี้กินได้ทั่วประเทศ เพราะชาวเวียดอยู่กันเยอะจนผสมปนเปไปกับชาวลาวจนแยกไม่ออกว่าคนใหนเวียด คนใหนลาว

Vegetable
ผักสดๆที่กินกับเฝอ
lottery
ผมเห็นคนไทยเวลาไปต่างประเทศ เรามักจะมองประเทศเพื่อนบ้านด้วยสายตาที่ดูแคลน แต่นี่ครับโต๊ะขาย lottery ของลาว เป็น digital หมดแล้ว แต่บ้านเรายังล้าหลังเขาอยู่เลย

หลังจากที่หาอาหารเช้าในตลาดหลวงน้ำทาเป็นที่อิ่มหนำสำราญเรียบร้อยแล้วก็เริ่มจะสายมากแล้ว และได้เวลาไปสักการะองค์พระธาตุหลวงน้ำทาที่ตั้งอยู่บนดอยใจกลางเมืองหลวงน้ำทา ก่อนที่จะออกจากเมืองนี้ไป

หลวงน้ำทา
มีคนออกมาต้อนรับการมายืนของผมด้วยนิ ฮ่าๆๆ  แต่ชัดเจนว่าเมืองหลวงน้ำทานั้นเป็นชุมชนใหญ่ของชาวไทลื้อที่อาศัยอยู่หนาแน่นในตอนเหนือนของลาว สิบสองปันนา รัฐฉานในพม่าแถบที่ติดกับลาว และจีน และกระจายตัวทั่วไปในเขตจังหวัดเชียงราย พะเยา และน่าน

หลวงน้ำทา
องค์พระธาตุหลวงน้ำทาที่สวยงาม

หลววงน้ำทา
พอดีในวันที่ผมไปนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่เดินทางมาเข้าชมวัดด้วย เขาคงเห็นผมเก้ๆ กังๆ กับการถ่ายรูป ก็เลยอาสาถ่ายภาพนี้ให้ผม

พระธาตุหลวงน้ำทา
องค์พระประธานภายในพระธาตุ ที่ผมได้ไปกราบใหว้ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป
ขณะนี้ก็เวลาประมาณสิบโมงเศษๆ ก็คงได้เวลาออกเดินทางต่อไปยังแขวงอุดมไชยแล้ว เพราะหากออกสายกว่านี้จะเจอกับรถบรรทุกสินค้าที่มาจากจีน (ด่านบ่อเต็น) ที่จะไปยังอุดมไชยเช่นกัน ซึ่งจะค่อนข้างอันตราย เพราะรถบรรทุกพวกนี้วิ่งขึ้นเขาช้ามาก และกินพื้นที่เต็มถนนพอดี ทำให้การเซงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
บ่อเต็น
เส้นทางก่อนออกจากเมืองหลวงน้ำทาก็จะมาถึงสามแยก เมืองสิงห์-บ่อเต็น หากตรงไปก็จะไปยังเมืองสิงห์ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ลาว-จีน เช่นกันแต่อยู่ตรงข้ามกับสิบสองปันนา ส่วนเราจะไปเมืองไซยต้องเลี้ยวขวาไปทางบ่อเต็นครับ

นี่ก็มาถึงทางแยกระหว่างบ่อเต็นอีก 19 km แต่เราจะไปอุดมไชย ก็อีก 80kms ตรงแยกนี้แหละครับที่จะมีรถบรรทุกจากจีนเข้ามาเยอะมากเพื่อมุ่งหน้าไปยังอุดมไชย และส่วนอื่นๆของ ลาว

Na Mor
ขับมาเรื่อยๆ ก็จะมาถึงแยกนาหม้อ ซึ่งก็จะมีชาวบ้านนำสินค้ามาขาย เหมือนเมืองไทยเช่นกัน

fruit
นี่คอผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู็ว่ามันคืออะไร แต่ผมเห็นวางขายในลาวเยอะมาก ไม่รู้ว่ารสชาติมันเป็นอย่างไรบ้าง

sign board
นี่คือบ้ายบอกทาง...ดูมันทำสิ

ด่านมีชัย
บริเวณแยกนาหม้อ หากเลี้ยวซ้ายไปจะเป็นทางลัดไปพงสาลี แต่เราจะตรงไปทางอุดมชัยแทน เพราะทางลัดเส้นนี้อุดมไปด้วยฝุ่น หิน และห้วย ด้วยระยะทางประมาณ 80 กม. ก็จะถึงเมืองบุนใต้ซึ่งดูเหมือนใกล้มาก แต่จริงๆ แล้วใช้เวลาเดินทางนานมากกว่าไปทางเส้นอุดมไชย และหากเดินทางเพียงลำพังแล้ว ผมจะไม่เลือกออกนอกเส้นทางหลักแน่นอน
Oudomxai
มาถึงอุดมไชยก็บ่ายโมงแล้วครับ เราต้องรีบไปต่อเพราะพงสาลียังต้องไปอีกกว่า 200 กิโลเมต
rest for pissing
แวะพักข้างทางหน่อยครับ ไม่ต้องอธิบายมาก...เป็นที่เข้าใจนะ?

road condition
ปลายฝน ต้นหนาว สภาพถนนบางช่วงก็เป็นแบบนี้แหละครับ

  
Paknamnoi
มาถึงแยกปากน้ำน้อยแล้วครับ..จะไปเวียดนาม หรือ พงสาลีก็ตัดสินใจกันตรงนี้แหละครับ ชายแดนเวียดนามตรงจุดนี้คือเดียนเบียนฟู ซึ่งในอดีตเคยเป็นดินแดนของไทยเช่นกัน และเป็นถิ่นฐานของชาวไทผู้ดำ จนเกิดมีเพลงไทดำรำพันที่โด่งดัวนั่นแหละ 
hill tribe
ชาวเขา แต่งตัวแปลกๆ ที่ไม่ค่อยจะเห็นในบ้านเรา ผมไม่รู้ว่าเผ่าอะไร แต่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไรนัก เพราะเขาจะไม่ยอมให้ถ่ายภาพ 
Paknamnoi Bridge
สะพานข้ามแม่น้ำฟาก ตรงปากน้ำน้อยซึ่งเป็นทางแยกไปเมืองขวา 

lumch
ปลาแอ๊บ แบบทางเหนือของไทย...ก็หิวแล้วนี่มีอะไรก็กินเพราะนี่ก็เกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว
เมื่ออิ่มแล้วก็เดินทางต่อไปยังเมืองขวา ซึ่งเป็นเมืองก่อนจะถึงชายแดนเวียดนามซึ่งผมก็ขับรถมาถึงที่นี่ในราวสี่โมงนิดหน่อย ผมได้ไปสอบถามคนขับรถรับจ้างที่จะไปเมืองปางหก ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆตรงชายแดนเวียดนาม เขาบอกว่าจากเมืองขวาก็ต้องขี่รถไปอีกในราว 70 กม. ก็จะถึงชายแดน แต่หากจะกลับมานอนค้างที่เมืองขวาก็คงมืดกลางทางเสียก่อน และที่ปางหก ก็มีที่พักสู้เมืองขวาไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจนอนมันเสียที่เมืองขวานี่เลยเพราะพรุ่งนี้เช้าผมยังต้องเดินทางอีกไกลเพื่อไปให้ถึง พงสาลีีี  สำหรับเดียนเบีนฟูนั้นเป็นเพียงแค่เป้าหมายรองที่มีความสำคัญน้อยลงไปผมก็เลยตัดออกจารายการๆ เดินทางเพื่อไม่ให้เสียแผนใหญ่

Manotum Guesthouse
ที่เมืองขวา..ผมพักที่เฮือนมะโนทัม เจ้าของบ้านพักใจดีมากครับ ห้องที่ผมพักมีฝรั่งมากักเยอะแยะเลย และห้องพักอยู่ติดกับริมน้ำ กลางคืนก็ได้ยินสายน้ำไหลตลอดทั้งคืนเลย

Manotham
ทางลงไปยังห้องพัก ซึ่งต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลงไป ดูเหมือนน่ากลัว แต่หากใครขี่รถมาถึงที่นี่ได้แล้ว แค่นี้เด็กๆ ครับ

เมืองขวา
สะพานแขวน เมืองขวา ที่นี่ก็มีชาวลาวนิยมมาถ่ายรูปเช่นกันครับ
น้ำอู
บรรยากาศของสายน้ำอู ยามเย็น มันสวยงามมาก...ผมคิดถูกแล้วที่ไม่ไปต่อไปยังปางหก

น้ำอู
สายน้ำอู ช่วงนี้ยังไปช่วงต้นๆ ที่จะไหลไปยัง เมืองงอย และ หนองเขียวต่อไป แม่น้ำยังดูเล็ก และน้ำไม่เยอะเท่ากับเมืองงอย 

การทำการเกษตรบนฝั่งแม่น้ำอู มองดูของจริงแล้วสบายตามาก

ขอ selfie สักภาพนะ

รถทัวร์เวียดนามจากเมืองขวาที่จะพาข้าชายแดนไปเดียนเบียนฟู


ยามเช้าตลาด ร้ารรวงต่างๆ ก็เริ่มเปิดทำการ

วิถีชีวิตยามเช้าของคนที่นี่

บรรยากาศหน้าตลาดที่ดูโล่งมองหาทางเข้าไม่เจอ

ภายในตลาดก็ไม่ได้แตกต่างจากตลาดลาวในจังวหัดอื่นๆ มากนัก เพราะสินค้าโดยมากก็จะเป็นของป่า และ สินค้าเกษตรทั้งหลาย

อาหารเช้าในตลาด ก่อนเริ่มต้นการเดินทางในวันที่ 3

หลังจากที่ได้เดินดูสินค้าต่างๆในตลาดเมืองขวาเรียบร้อยแล้ว ก็รับประทานอาหารเสียให้เสร็จในตลาดก่อนที่จะเริ่มต้นพจญภัยต่อไปในวันที่ 3

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เมื่อ Dahon Boardwalk D7 เปลี่ยนชุดขับ เป็น Dahon Boardwalk D20

ไมล์วัดความเร็ว INBIKE 321

Cannello Mini Velo - รถราคาถูกๆ นอกสายตา