จุดหมายและการเดินทาง


ช่วงหลังๆ นี้ผมขอบการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานยนต์ เป็นส่วนใหญ่เพราะให้ความสะดวกในระหว่างการเดินทาง และเมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง และที่สำคัญที่สุดคือการใช้รถจักรยานยนต์เปิดโอกาสให้ผมสามารถสัมผัสกับบรรยากาศ และความสวยงามของสองข้างทางได้ง่ายกว่า ไม่ว่าจะเป็นการจอดเพื่อถ่ายรูป หรือ จอดพัก ผมเขื่อว่าหลายๆท่านก็คงมีความรู้สึกเดียวกัน แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างตรงที่ใช้รถใหญ่ หรือรถเล็กเท่านั้น หลายคนอาจจะบอกว่ารถใหญ่ขับสบายกว่า ไปถึงที่หมายได้เร็วกว่าโดยที่ไม่เหนื่อยมาก เรื่องนี้อาจจะจริงในบางสถานะการณ์เท่านั้น แต่ข้อสรุปนี้ใช้ไม่ได้กับทางประเภท Off-Road ที่ต้องการความคล่องตัวของพาหนะ และผมเองก็ไม่ชอบขับรถเร็ว เพราะการที่ความเร็วเพิ่มขึ้นทุกๆ 1 กม./ชม. นั่นหมายถึงความเสี่ยงในอุบัติเหตุ และ ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงๆ ก็ทำให้เครียดด้วย นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการออกทริปของผมครับ


การที่ผมใช้รถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ผมมีความยืดหยุ่นในการสสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น ตรงใหนที่ผมเห็นแล้วสบายตาผมก็จะจอดพักนานหน่อย ไม่รีบเร่งครับ

สำหรับผมแล้วผมถือว่าการออกทริปของผมคือการที่ได้ออกไปพักผ่อน ทำสมาธิ อยู่ในโลกส่วนตัวของผมจริงๆ ความเร็วที่จะไปให้ถึงจุดหมายสำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะผมถือว่าความสวยงามระหว่างทางก็มีความสำคัญพอๆกัน ซึ่งผมสามารถเก็บความทรงจำดีๆ ไปได้ตลอดทาง เนื่องจากจุดหมายของผมคือ ทุกๆ กิโลเมตรที่ผมวิ่งผ่านไปอย่างช้าๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสพการณ์ และความสวยงามจากธรรมชาติ น้ำใจของผู้คน และวัฒนธรรมท้องถิ่นจากสองข้างทาง ผมเคยลองเดินทางใกล้ๆ ก็อำเภอแถวๆ บ้านนี่แหละ แต่ลองเก็บรายละเอียดดู พบว่ามีอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตนี้ที่ผมยังไม่ได้เรียนรู้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็เริ่มให้ความสำคัญกับรายละเอียดของสองข้างทางมากขึ้น หากเปรียบเทียบกับการชมภาพยนต์แล้วผมว่าคงไม่มีใครชมเฉพาะตอนสุดท้ายของเรื่องหรอกครับ ลองมาปรับเวลา การท่องเที่ยวแบบช้าๆ แล้วคุณจะพบว่าคุณได้เห็นอะไรในโลกที่ชัดขึ้น

เราลองมาดูความจริงครับ..ไม่ว่าท่านจะออกทริปด้วยตัวเอง หรือ ศึกษาทริปของคนอื่นๆ ตามเว็ปต่างๆ ลองสังเกตสิครับว่า ระยะเวลาที่ท่านอยู่บนถนน กับอยู่ที่จุดหมายปลายทางอันใหนมากกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกทริปทางไกลในระยะ 300-500 กิโลเมตรต่อวัน (สำหรับรถใหญ่ๆ) ในแต่ละวันเขาจะกำหนดจุดหมายเอาใว้ เพื่อให้เข้าพัก ซึ่งโดยมากเมื่อไปถึงก็เย็นมากแล้ว พอเช้ามาก็ไปกันต่อ เรียกว่าแทบจะไม่มีโอกาสได้เก็บรายละเอียดระหว่างทางเลยครับ ซึ่งความเป็นจริงก็คือ เราใช้เวลาอย่างมากเพื่อที่จะให้ความสวยงามวิ่งผ่านสายตาเราไปหมด แต่เราก็เหลือเวลากับปลายทางไม่มากนัก ผมรู้สึกเสียดายประสพการณ์ดีๆ มากครับ

สุดท้าย...ผมคงเป็นเหมือนกับหลายคนที่มี "ความสุข" เมื่อได้ออกไปเห็น และเรียนรู้อะไรที่แตกต่างจากชีวิตประจำวัน แต่อย่าลืมนะครับว่า  "ความสุข" แม้จะอยู่กับเราได้ แต่ก็ไม่นาน แต่ความทรงจำที่ดีๆ ระหว่างทางต่างหาก จะอยู่กับเราตลอดไป



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เมื่อ Dahon Boardwalk D7 เปลี่ยนชุดขับ เป็น Dahon Boardwalk D20

ไมล์วัดความเร็ว INBIKE 321

Cannello Mini Velo - รถราคาถูกๆ นอกสายตา